เมื่อเดือนที่แล้วผมถูกว่าจ้างให้ไปถ่ายภาพบ้านหลังหนึ่งในอำเภอปากช่อง เพื่อนำไปตีพิมพ์ใน K Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารแจกฟรีในแดนดินถิ่นอีสานใต้ แรกเริ่มไม่รู้ว่าเป็นบ้านใคร ไม่รู้ว่าบ้านมีรูปลักษณะใด แต่เมื่อไปถึงจึงรู้ว่าเป็นบ้านเรือนไทย ที่สำคัญเป็นบ้านพักของคนในตระกูลมาม่า ใช่ครับ บะหมี่สำเร็จรูปมาม่าที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง
ส่วนพักผ่อนเรือนคุณพ่อ (ทางเดินเชื่อมห้องนอน+ห้องน้ำ)
เรือนไทยประยุกต์ของคุณพ่อ มีระเบียงกว้างโอบล้อม 3 ด้าน
เป็นที่ทราบกันดีว่าเรือนไทยนั้นสวยคลาสสิค
มีประวัติคู่แผ่นดินไทยมาเนิ่นนาน
โครงสร้างสถาปัตยกรรมเรือนไทยเริ่มชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา
โดยแบ่งเป็นเรือนภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนภาคใต้ เรือนภาคอีสาน ซึ่งการแบ่งเรือนออกตามภูมิภาคดังนี้หมายถึงเรือนแต่ละชนิดเอื้อต่อการอยู่อาศัยตามสภาพภูมิอากาศซึ่งแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ส่วนใครจะชอบเรือนแบบใด ลักษณะใด อันนี้ขึ้นอยู่ที่รสนิยม
สำหรับเรือนไทยที่ผมถ่ายลงในคอลัมน์ Life and Décor (K Magazine) เลือกเรือนไทยภาคกลาง
แต่เป็นเรือนไทยประยุกต์ที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเป็นไปในปัจจุบัน
ของตกแต่งบนเรือนหมู่ยังเป็นแบบนิยมไทย
บนเนื้อที่กว้างกว่า
3 ไร่ ณ แนวขุนเขาดงพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปรากฏบ้านเรือนไทย 3
หลังเรียงรายอยู่ในหมู่ไม้นานาพรรณ พันธุ์ไม้ที่ปรากฏให้เห็นตั้งแต่รั้วบ้านไปถึงด้านในเริ่มตั้งแต่ไม้น้ำดอกงามอย่างบัวสายหลายสี
ไม้ไทยดอกหอมและไม้กลีบสวยหลากชนิดเริ่มจากดอกแก้ว โมกข์ พวงคราม ชบา ชงโค ฯลฯ
ส่วนไม้ดินถิ่นอีสานที่เราเรียกว่า “กระเจียว” กำลังบานได้ที่ (งามได้ถ้วย)
เบ่งบานต้อนรับม่านฝนบนขุนเขาราวดวงดาวผุดพราวบนที่ดอน นอกจากนั้นยังมีไม้เลื้อย
ไม้ยืนต้น ไม้ผล ไม้คลุมดิน พันธุ์ไม้มากมายจารนัยกันไม่หมด
ถ้าจะดูให้ถี่ถ้วนผมว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันถึงจะครบครับ
สำหรับตัวบ้านแบ่งออกเป็น
3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
บ้านหลังแรกเป็นบ้านเรือนไทยหลังเดี่ยวยกพื้นสูง
มีลักษณะเป็นบ้านไทยทรงสอบ จั่วแหลมแบบเรือนภาคกลางแต่ยกพื้นสูงเหมือนบ้านไทยอีสาน
บ้านหลังนี้เป็นที่พักอาศัยของคุณพ่อ
บ้านไทยประยุกต์แบบเรือนเดี่ยวชั้นเดียวยกพื้นสูงของคุณพ่อ
(หลังแรก)
ส่วนพักผ่อนเรือนคุณพ่อ
ทัศนียภาพภายในห้องนอนเรือนคุณพ่อ
ห้องทำงานซ่อนอยู่ในห้องนอน (เรือนคุณพ่อ)
ห้องน้ำในเรือนคุณพ่อออกแบบได้ดีมาก
ประโยชน์ใช้สอยครบครัน
ผ้าม่านปักลายกระต่าย (ประจำปีเกิดคุณพ่อ) เป็นผ้าม่านเรียบง่ายแบบไทยๆ ไปกันได้ดีกับตัวบ้าน
บ้านหลังที่สองเป็นบ้านไทยหลังเดี่ยวชั้นเดียว
คือตัดทอนใต้ถุนออกหมด ทำเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ยังคงความเป็นเรือนไทยไว้ได้ดีมาก
เรือนหลังนี้เป็นที่พักของคุณแม่
เรือนคุณแม่เป็นเรือนไทยประยุกต์ชั้นเดียว
ทางเชื่อมเรือนคุณพ่อกับเรือคุณแม่
เป็นทางสำหรับวีลแชร์ในอนาคต
สวนหน้าบ้านพ่อ ส่วนใหญ่พันธุ์ไม้ที่เลือกนำมาปลูกเป็นไม้ไทยเกือบทั้งหมด
มีไม้นอกแซมแทรกบ้างเพียงเล็กน้อย
บ้านหลังสุดท้ายเป็นเรือนไทยแบบเรือนหมู่ซึ่งดูเป็นเรือนไทยภาคกลางมากที่สุด เรือนหมู่หลังนี้เป็นที่พักของดร.พจนี พะเนียงเวทย์ และเครือญาติ
ใครไปใครมาต้องมารวมกันที่เรือนหลังนี้
ทัศนียภาพเรือนหมู่ (หลังที่สาม)
มุ้งกับเรือนไทยในห้องนอนเรือนหมู่ (หลังที่สาม)
เรือนทั้งหมดก่อสร้างด้วยไม้สักทอง
ฝีมือช่างจากเมืองเก่าอยุธยา ส่วนสถาปนิกมาจากสถาปนึก คือเจ้าของบ้านช่วยกันร่วมคิด คิดจากแบบเดิมแล้วนำมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง ที่เห็นได้ชัดในการปรับคือหน้าต่างไม้กรุกระจก เรือนยกสูงกว่าเรือนไทยภาคกลาง
ฝาปะกนยังคงอยู่แต่บางส่วนใช้กระจกใสแซมแทรกทำให้แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาได้โดยสะดวก
ส่วนเพดานนั้นสูงกว่าเรือนไทยแบบเดิมอย่างเห็นได้ชัด
อันนี้ดีตรงที่ทำให้บ้านโปร่งสบาย อากาศถ่ายเท ลมพัดผ่านโดยสะดวก
ซึ่งตัวเรือนเขาออกแบบให้มีแอร์คอนดิชั่นแต่ในความเป็นจริงแทบไม่ต้องใช้แอร์ฯเลย
เหตุเพราะบ้านอยู่บนเนินเขา หน้าต่างบานกว้างช่วยรับลมจากทุกทิศทาง
ถ้าเปิดหน้าต่างให้หมดจะมีลมพัดเข้ามาสม่ำเสมอ
หน้าต่างบานใหญ่ทำให้ลมพัดผ่านโดยสะดวก
ผนังบ้านยังยึกรูปแบบฝาปะกนแต่ประยุกต์ด้วยการนำกระจกเข้ามามีส่วนร่วม
ทำให้แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้าสู่ภายในโดยสะดวก ช่วยทำให้บ้านโปร่งขึ้น
ส่วนสุดท้ายที่ต่อเติมเข้ามาคือทางไม้ลาดลงจากเรือนคุณพ่อไปหาเรือนคุณแม่
ตรงจุดนี้ดีไซน์เผื่ออนาคต ตอนมีอายุมาก คือเป็นทางสำหรับรถวีลแชร์ใช้ขึ้นลงเรือน
สิ่งที่ผมชอบบ้านเรือนไทยกลุ่มนี้คือการวางแปลน
การออกแบบให้เหมาะกับบริบทและการเลือกช่าง เจ้าของบ้านเลือกช่างจากเมืองเก่าอยุธยา
เป็นทีมช่างสุดยอดฝีมือทีมหนึ่ง จะหาช่างที่ไหนที่ใช้วิธีการเข้าลิ่มในยุคนี้..น้อยเต็มที
ที่สำคัญบ้านทุกหลังมีพันธุ์ไม้นานาโอบกอดตัวบ้านรวมทั้งเวลายืนอยู่บนระเบียงจะพบทัศนียภาพขุนเขากว้างไกลและสวนผลไม้ในบริเวณนั้นด้วย
ดอกกระเจียวแบ่งบาน
พวงคราม
ชงโค
ทั้งหมดที่กล่าวมาแต่ต้นคือภาพส่วนหนึ่งของบ้านเรือนไทยในหุบเขาของครอบครัวที่อบอุ่น
เป็นบ้านเพื่อการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
เป็นบ้านที่สร้างมาเพื่อให้ทุกคนหยุดเวลาแล้วมาอยู่รวมกันในวันอันเปี่ยมสุข ท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติอันพิสุทธิ์ ทั้งยังเป็นตัวอย่างหนึ่งในการเก็บรักษาบ้านเรือนไทยไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมและศึกษา หากกล่าวว่านี่คือมรดกทางสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่งคงไม่ผิดนัก
ขอขอบคุณดร.พจนี
พะเนียงเวทย์และครอบครัวที่เห็นความสำคัญของบ้านไทย รักษ์บ้านไทย นิยมเรือนไทย
ได้เก็บรักษาไว้ให้คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นสถาปัตยกรรมไทยต่อไปครับ
ดอกบัวหลากสีไปได้ดีกับบ้านเรือนไทย
ศาลพระภูมิเรือนไทย
(เสียดายรายละเอียดบ้านมากมายแต่ผมมีเวลาชื่นชมเพียงน้อยนิด)
ช่างน่าชื่นชมแทนเจ้าของบ้านจริงเลย บ้านเรือนไทยงามทุกหลัง
ตอบลบแต่ที่แปลกคือ เรือนคุณพ่อทำไมจึงแยกจากเรือนคุณแม่?
ขอฝันไว้ก่อนว่าเราจะมีบ้านเรือนไทยกับเขาสักหลัง
ขอบคุณเรื่องราวที่เขียนบรรยายได้ครบครันจนทำให้ฝันไป
ขอบคุณค่ะ..พายุทราย พรายทะเล
ผมไม่ได้ถามเรื่องแยกเรือน แต่เข้าใจว่าแต่ละคนมีโลกส่วนตัว มีเรือนเป็นของตัวเองมันแสนวิเศษ (บ้านนี้น่ารักสุดๆ ครับ)
ลบผมไม่ได้ถามเรื่องแยกเรือน แต่เข้าใจว่าแต่ละคนมีโลกส่วนตัว มีเรือนเป็นของตัวเองมันแสนวิเศษ (บ้านนี้น่ารักสุดๆ ครับ)
ลบอืมมค่ะ.. มันอาจจะวิเศษณ์อย่างที่บอก จนต้องแยกเป็นเรือนส่วนตัว :)
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ :))
ตอบลบ