จุดกางเต็นท์บนภูสวนทราย
ย้อนกลับไปสู่วัยเยาว์ หนุ่มน้อยหน้าใสผู้หลงใหลการเดินทางตั้งแต่เด็กออกอุบายให้แม่ฟัง
เขาบอกแม่ว่า “อาทิตย์หน้าต้องไปเข้าค่ายลูกเสือกับทางโรงเรียน” ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เขาโกหกแม่ด้วยการแบกเป้ตามเพื่อนรุ่นพี่ไปภูกระดึง ภูลูกหนึ่งที่นักเดินทางมุ่งหวังไปให้ถึง
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อตามหาภูสวยใต้ผืนฟ้าเมืองเลย
จากวันนั้นเขาเติบใหญ่ ชีวิตปรับเปลี่ยนไปตามบทวิถี สุดท้ายได้เดินทางในสายงานถ่ายภาพ
บันทึกความงามธรรมชาติ ปัจจุบันเขายังเข้าออกเมืองเลยราวเมืองนี้เป็นบ้านเกิด
นอกจากภูกระดึงที่หลงใหลยังโยงใยไปถึงภูหลวง ภูเรือ ภูป่าเปราะ ภูทอก ภูบ่บิด เลาะเรื่อยไปเกือบทุกภูที่อยู่ในอ้อมกอดเมืองเลย
ครั้งหนึ่ง เขาเดินเดี่ยวเปลี่ยวเปล่าอยู่กลางป่าภูเรือ วันนั้นฝนตกหนัก
ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยแม้คนเดียว เขาลุยป่าฝ่าฝนไปตามเส้นทางฉ่ำชื้นลื่นแฉะ
ช่วงหนึ่งลงไปถ่ายภาพกลางธารน้ำ เกิดผิดพลาดล้มลงทั้งคนทั้งกล้อง คนไปทางหนึ่ง
ขาตั้งกล้องกับกล้องอยู่อีกทางหนึ่ง จากนั้นต้องเดิน เดินและเดิน เดินไปพบทางขาด
เดินหลงป่า กว่าจะออกมาได้เล่นเอาเหนื่อย แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ถดท้อแม้แต่น้อยหากมันกลายเป็นประสบการณ์ที่ต้องจดจำ
จำเพื่อระลึกถึง จำเพื่อวันหนึ่งจะกลับไป ใช่! เขากลับไปอีกหลายครั้ง จนบางคราวถูกต้องสงสัยว่าเมืองเลยมีอะไรทำไมไปบ่อย
ทุกครั้งที่ถูกถามเขาได้แต่ยิ้มแล้วตอบสั้นๆ ว่า “สวยดี”
วันนี้เขาออกเดินเท้าก้าวเดินทางมุ่งสู่อำเภอนาแห้ว
เพื่อค้างแรมที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ภูที่เขายังไปไม่ถึงจึงต้องตามหา
จึงต้องมา จึงต้องสัมผัส
น้ำตกช้างตก
ถนนหลวงจากเมืองเลยคดโค้งไปตามสภาพภูมิประเทศแบบขุนเขา ผ่านอำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย
และเข้าสู่อำเภอนาแห้ว อำเภอแห่งขุนเขาริมชายแดนไทยลาว บริเวณนี้มีแค่แม่น้ำเหืองสายเล็กแบ่งเขตให้ประเทศหนึ่งแยกออกจากประเทศหนึ่ง
ทั้งๆ ที่มันควรเป็นหนึ่งเดียวกัน
หมอกฝนบนขุนเขา ระหว่างทางเดินป่าภูสวนทราย
ณ ภูสวนทราย ถึงที่หมายกล่าวทักทายผู้คุมกฎที่เราเรียกว่า
“หัวหน้า” (หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย) จากนั้นพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอจึงออกเดินทาง
(ย้อนกลับ) ไปบันทึกภาพน้ำตกขนาดเล็กคือน้ำตกช้างตก ต่อด้วยถ่ายภาพเงาอาทิตย์สุดท้ายที่ภูขาด
แต่ดวงไม่ดีนัก สายฝนอันเป็นที่รักกลางเดือนธันวาล่วงหล่นลงมาเป็นม่านสาย
สนธยาสุดท้ายจึงไม่ได้สนทนากับดวงตะวันเลยซักนิด ได้เห็นแค่เมฆหนาท่ามกลางสายลมเหยียบเย็น
มีแสงส่องสาดผาดผ่านหมู่เมฆเป็นระยะ ไม่แน่ใจว่าดวงตะวันกับจันทร์ดาราในเย็นย่ำค่ำนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้อาทิตย์กลมโตขอให้ได้สนธนยาฟ้าสีสวย
ถ้าไม่ได้ดาวตกขอให้ได้ดาวพราวฟ้า แต่ใครจะรู้ การเดินทางท่องเที่ยวธรรมชาติมิอาจคาดเดา
หลายครั้งเวลาเคลื่อนไปไม่กี่นาทีบรรยากาศก็แตกต่างแล้ว
การถ่ายภาพด้วยกล้องกับบันทึกความทรงจำด้วยดวงตาและความรู้สึกจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บางคราวใครบางคนได้ฟ้าสีสวย คนบางใครได้หมอกหม่น บางคนไม่ได้อะไรเลย หรือบางใครได้เกี่ยวเรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง
นั่นคือเสน่ห์ นั่นคือมนต์ คนไม่สัมผัสไม่มีทางรู้ คนไม่เคยดูมักไม่เข้าใจ บางคนบ่น
บางคนด่า บางคนถามหาสิ่งที่เคยเห็นในรูปภาพตามนิตยสาร ความจริงใครคนนั้นไม่รู้ว่าสิ่งแตกต่างที่เขาได้รับคือรางวัลหาใช่สิ่งเลวร้าย
ผมเคยติดอยู่ในม่านฝน เคยล่วงหล่นในธารเศร้า เคยนั่งเหงาอยู่ในป่าชื้นเพียงลำพัง ภายหลังกลับกลายเป็นเรื่องราวเล่าขานให้ลูกหลานฟัง
ผมเดินทางมาไกล ไกลพอเข้าใจธรรมชาติและให้อภัยตัวเอง การได้เห็นปรากฏการณ์หนึ่งถือว่าเป็นบุญ
ถือเป็นทุนในการเดินทางท่องเที่ยวต่อไป เหมือนค่ำคืนนี้แม้ไม่ได้ดาวซักดวงอยู่ในมือก็ไม่ยึดถือไม่เป็นไร
ในเมื่อลมหายใจยังอยู่ พรุ่งนี้มีทางสว่างเสมอ
เห็ดป่าบนขอนไม้เก่ากลางป่าภูสวนทราย
กระโถนฤาษี ไม้หายากพบบนภูสวนทราย
อย่าร้องไห้ถ้าภูเขายังมีป่า
ไม่ไร้ค่าถ้าดอกหญ้ายังเอนไหว
ยังยิ้มได้หากแสงดาวยังแกว่งไกว
บอกหัวใจให้ออกเดินเพลินพนา
ลานเฟิร์นริมผาบนภูสวนทราย มองเห็นเทือกเขาแดนลาวอยู่ด้านหลัง
บังเกอร์เก่าของทหารในยุคไทยสู้รบกับลาวบนภูสวนทราย
ทุ่งหญ้าเริงระบำบริเวณที่ราบตีนภู
ฝนบางๆ
กับเส้นทางสูงชันทำให้อากาศเย็นยามนี้เหน็บหนาวร้าวถึงกระดูก
หนาวทั้งอากาศในผืนป่า หนาวทั้งน้ำจากฟ้าที่ปะพรมลงมาไม่ขาดสาย สวมเสื้อกันหนาวหนากับเสื้อร่มกันฝนแนบกระชับร่าง
หลังแบกเป้ไหล่แบกกล้องพร้อมเดินดง ก้าวเท้าไปบนทางชุ่ม ใจระรื่นไปกับทางชื้น อีกไม่นานคงรู้ว่าอากาศบนภูเย็นยะเยือกเพียงใด
แปลงสตรอเบอร์รี่บริเวณที่ราบตีนภู
ดอกหญ้ากับแสงเช้าที่ภูผาหมวก
ตลอดระยะทาง 1+4 กิโลเมตรได้พบเจอพันธุ์ไม้ดอก ไม้ใบ
ไม้เลื้อยไม้คลุมดินมากมายหลายชนิดรวมทั้งเจ้าดอกกระโถนฤาษีด้วย ส่วนสิ่งที่สร้างรอยประทับใจคือบรรยากาศโดยรวมของผืนป่า
ป่าที่ถูกหมอกฝนปกคลุมจนขาวโพลนไปหมด งดงามราวภาพฝัน หยาดน้ำจากสรวงสวรรค์ทำให้ป่างามเช่นนี้
นี่คือรางวัลอันเหมาะสม ผมไม่แน่ใจว่าเดินไพรในฤดูอื่นจะได้เห็นภาพอย่างนี้หรือไม่
ยกเว้นต้องย้อนมาย้อนไป เอาให้รู้ดูให้ละเอียดว่าแต่ละฤดูแตกต่างกันอย่างไร
อาทิตย์เช้าเหนือสันเขาภูเรือ บันทึกภาพที่ภูผาหมวก
ตอนขึ้นมาถึงเนิน 1408 เม็ดฝนหยุดโปรยปรายเหลือเพียงสายลมหนาวจากฝั่งลาวพัดผ่านมา
จากหนาวฝนผ่อนปรนเป็นลมหนาว หนาวเพียงไรยังทนไหว ยังทนได้เพราะมีหัวใจอุ่นๆ
ยืนโต้กับสายลมจากขอบฟ้าไกล ส่วนระยะทาง 3 กิโลเมตรหลังเดินง่าย เดินลงเขา
แต่ผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวเข่าอาจไม่พึงปรารถนาเพราะหลายช่วงเป็นทางลงเขาที่ลาดชันมาก
จุดมุ่งหมายต่อไปในวันรุ่งคือทัศนียภาพเมืองนาแห้วในมุมสูง ไปเก็บเกี่ยวภาพดวงตะวันในยามเช้า เก็บงำเรื่องราวให้มากที่สุดเท่าที่ความสามารถพึงมี ส่วนราตรีอันเหน็บหนาวในค่ำคืนที่สองยังคงครองตนอยู่ในเขตนาแห้วกับรีสอร์ตเรียบง่ายใกล้ๆ ภูผาหมวก
ทัศนียภาพเมืองนาแห้วกับขุนเขาฝั่งลาว บันทึกภาพที่ภูผาหมวก
รุ่งเช้า ฟ้ายังไม่สาง เราเดินทางสู่ภูผาหมวกด้วยการเดินเท้ากับระยะทางสั้นๆ
เพียง 1.5 กิโลเมตร ขึ้นไปเฝ้ารอดวงอาทิตย์ทอดใยในเช้าวันใหม่
สายหมอกยามเช้าปกคลุมขุนเขา บันทึกภาพที่ภูผาหมวก
การเดินทางมาเยือนภูสวนทรายจบลงในยามสายที่ภูผาหมวก สิ่งที่ได้รับคือภาพงามของผืนป่า
ความเหนื่อยล้าจากการเดินบนขุนเขา ได้พบเงาไม้มากมายสายเสน่ห์ ได้รู้ว่าป่าอีสานตอนเหนือ
ณ นาแห้วนั้นอุดมสมบูรณ์เพียงไร ที่สำคัญ มันงามกว่าที่คิด
มันสะกดจิตให้เราลุ่มหลงได้โดยไม่ยาก แม้ยามจากยังอาลัย แม้ลาไกลใจยังคิดถึง...ลาก่อนภูสวนทราย
หากยังไม่ตายจะขึ้นมากางเต็นท์นอนดูดาว ชมชิมน้ำค้างหนาวในคืนข้างแรม
นักท่องเที่ยวกับสายหมอกแน่นหนาที่ภูขาด (ภูสวนทราย)
หมายเหตุ
- การเดินป่าภูสวนทรายในชาวงมีฝนควรสวมถุงกันทาก ทากที่นี่ไม่ธรรมดา อุดมดีทีเดียว
- ภูสวนทรายมีบ้านพักหลายหลัง แต่ละหลังเป็นบ้านขนาดใหญ่ รองรับนักท่องเที่ยวได้มากพอสมควร ส่วนลานกางเต็นท์มี 2 จุด คือบริเวณที่ทำการอุทยานฯ (ใกล้บ้านพัก) และบริเวณลานเฟิร์นบนสันเขา
- ภาพและเรื่องบางส่วนถูกตีพิมพ์ในนิตยสารหนีกรุงไปปรุงฝัน ฉบับประจำเดือนมกราคม 2559
ขอบคุณ
- เพื่อนร่วมทาง
- หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น