วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เทเวศร์ บทสรุปกอดบางกอก วอร์คกิ้งกรุงเทพฯ ( 36 เฟรม)








ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาผมกับพรรคพวกย่ำเท้าออกเดินไปในตรอกซอกซอยทั้งฝั่งกรุงเทพฯ และฝั่งธนบุรี ที่ทำอย่างนั้นเพราะอยากนำเรื่องราวบางกอกออกมาเผยแพร่ เพื่อให้สาธารณชนได้รู้ว่ายังมีชุมชนคนกรุงที่ฝังตัวอยู่กับรอยอดีตอันงดงามมากมายหลายแห่ง แต่ละแห่งหมายรวมถึงคุณค่าที่ก่อเกิดและยังคงอยู่ ครั้งแรกเราไปกอดบางรัก ครั้งหลังปักหลักกันที่เทเวศร์


พระอุโบสถวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


องค์พระประธานในอุบสถ วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


ฐานพระประธานวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร เป็นฐานที่งดงามมาก 
ประกอบด้วยปูนปั้นลายไทยประดับกระจกสี


ภายในพิพิธภัณฑ์ไม้สัก วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร 
ชั้น 2 ประกอบด้วยพระบรมสารีริกธาตุ หุ่นขี้ผึ้งเกจิอาจารย์ 
ห้องทรงงานรัชกาลที่ 5 รวมถึงอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย



พระสยามเทวาธิราชในพิพิธภัณฑ์ไม้สัก


อาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สัก วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร 


อาคารแบบยุโรปในวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


ใครหลายคนอาจคิดไม่ออกว่าย่านเทเวศน์ สามเสน จะมีอะไรน่าสนใจมากไปกว่าถนนสายแคบริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าดีกว่าเป็นไหนๆ) สำหรับผมๆ อยากกลับไปแถวนั้น อยากกลับไปเพราะมีความทรงจำทั้งดีและไม่ดี ถ้าย้อนความตามลำดับต้องเริ่มตั้งแต่ตอนมาเรียนกรุงเทพฯ ใหม่ๆ ผมคุ้นเคยย่านนี้ดีเพราะถนนสามเสนเป็นถนนสายเดียวที่ใชับ่อยที่สุด บ่อยเพราะบ้านพักอยู่บางโพ โรงเรียนอยู่ศรีย่าน ตำนานอยู่สนามหลวง วันเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่แรดไปไหนต้องไปช่วยยายขายกุ้งแห้ง กะปิ พริกแกง ที่สนามหลวง (ยุคนั้นตลาดนัดยังอยู่สนามหลวง ไม่ใช่สวนจตุจักร) ไปสนามหลวงก็ใช้ถนนสามเสนสายนี้ ใช้ทุกวัน อยู่กับมันทุกวัน ฉะนั้นจึงสนิทชิดเชื้อกับมันเป็นอย่างดี


ภายในอุโบสถวัดราชาธิวาสวิหาร


พระประธานวัดราชาธิวาสวิหาร


พระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง หรืออีกชื่อหนึ่งคือตำหนักพญาไท ทรงพระกรุณาโปรดให้ย้ายจากพระราชวังพญาไทมาปลูกไว้ที่คณะใต้ วัดราชาธิวาสวิหาร เคยเป็นที่ประทับประจำของพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง



ปฏิมากรรมสิงห์ภายในวัดราชาธิวาสวิหาร

ความจริงแดนดินถิ่นเทเวศน์มีเรื่องราวเล็กๆ ซ่อนอยู่ในซอกหลืบลึกๆ ส่วนเรื่องราวใหญ่ๆ มีไม่น้อยไปกว่าถิ่นอื่น อาจแบ่งแยกความสำคัญได้หลายประเภท เริ่มตั้งแต่ วัด วัง เวียง วิถี ซึ่งทั้งหมดหมายรวมถึง สถาปัตยกรรม วิถีชุมชน ยกตัวอย่างเช่น ชุมชนคนวัด เทเวศน์มีทั้งวัดฝรั่งอย่างวัดคอนเซ็ปชัญแห่งพระแม่เจ้า วัดไทยในรากหนึ่งของราชวงศ์จักรีอย่างวัดราชาธิวาสวิหาร หอสมุดแห่งชาติ อาคารริมน้ำท่าวาสุกรี รวมถึงบ้านเก่ากับเรื่องราวริมน้ำเจ้าพระยาอีกมากมาย วันนั้นเราเดินจากถนนวนเข้าไปในตรอก ออกมาอยู่ในซอย ปล่อยอารมณ์เลื่อนลอยไปกับเรือโยงบนสายน้ำเจ้าพระยา (เสียดายอยู่อย่างหนึ่งช่วงนี้หอสมุดแห่งชาติอยู่ในช่วงปรับปรุงจึงไม่ได้แวะเวียนเข้าไป) 



พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในวัด อายุประมาณ 150 ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับสมัยที่ทรงผนวช เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ ปัจจุบันทำเป็นพิพิภัณฑ์หรือหอพระ


ทั้งหมดที่ผันผ่าน วัดวังบ้านที่ได้สัมผัส จากเช้าตรู่ถึงคืนค่ำ จากสายน้ำสู่อุโบสถ เทเวศน์บ่งบอกตัวตนเด่นชัด เน้นย้ำให้เรารักกรุงเทพฯ มากขึ้น และมากขึ้นไปอีก



ที่ประทับของบรมวงศานุวงศ์ในคราวมีพิธีทางชลมารค ท่าวาสุกรี


บ้านเก่าเล่าเรื่องกับอาชีพร้อยมาลัยในชุมชนหน้าวัดคอนเซ็ปท์ชัญ



ทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา (ไปท่าวาสุกรี)

โดยรวมผมชอบบางกอก รักบางกอก รักเพราะครอบครัวแม่อยู่ฝั่งธน ได้เห็นบางกอกมาตั้งแต่เล็ก แม้ตอนเป็นเด็กเรียนหนังสืออยู่ที่โคราช แต่ทุกปิดเทอมใหญ่แม่ส่งผมมาอยู่ที่บางกะเจ้า หรือถูกส่งไปอยู่ที่คลองสอง ลาดกระบัง ทั้งบางกะเจ้าและลาดกระบังเป็นบ้านติดน้ำทั้งสองที่ น้ำหนึ่งสายใหญ่ในนามเจ้าพระยา อีกน้ำหนึ่งเป็นคลองสายเล็กที่อบอุ่น คุ้นทั้งสองที่ ดีทั้งสองบ้าน มีทั้งสวนทั้งสายน้ำ เป็นบ้านที่ก่อร่างสร้างความสุขได้โดยง่าย ส่วนหนึ่งเกิดจากตายายจัดไว้ อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเองตามสภาพแวดล้อม



โบสถ์วัดคอนเซ็ปท์ชัญแห่งพระแม่เจ้า (ภายใน-ภายนอก)



สุสานวัดคอนเซ็ปท์ชัญแห่งพระแม่เจ้า

โครงการ Walking Bangkok หรือที่ผมเรียกว่า “กอดบางกอก” จบลงในดงความสุข แต่ยังรู้สึกเสียดายโปรเจคต์นี้ คือผมกับน้องสาวสุดที่รัก “เจน สุนันทา” (ททท.) และเพื่อนๆ สื่อมวลชนได้คิดร่วมกันในช่วงเกิดระเบิดที่ราชประสงค์ เราคิดกันว่าทำยังไงกรุงเทพฯ จะกลับมาสู่สายตานักท่องเที่ยว ทำยังไงคนถึงจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็เลยเกิดโปรเจคต์นี้ขึ้นมา ที่สำคัญ หลังจากเราย่ำใจไปบนรอยอดีต ใจเริ่มลงลึก เห็นลึกลงไปมากกว่าแนวความคิดเบื้องต้น ยิ่งค้น ยิ่งลึก ยิ่งลึกจึงยิ่งรัก (อันนี้ไม่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ) ยิ่งรักเพราะเห็นคุณค่าในสิ่งที่พบเจอ หลังทริปสุดท้ายจบลง ใจหายนิดหน่อย ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องหาโอกาสเดินต่อ บางกอกยังมีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะครับ



ท่าเรือวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


ปลาสวายบริเวณวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


ทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยากับสะพานพระราม ๘ ยามเย็น บันทึกภาพที่ท่าเรือวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร


hostel และ เกสต์เฮ้าส์ในเขตเทเวศร์







ริมคลองผดุงกรุงเกษมยามเย็นไปถึงค่ำคืน มีร้านขายลาบส้มตำเต็มไปหมด

ถ้าใครรู้จักกรุงเทพฯ เพียงน้อยนิดลองสะกิดคนรู้ใจ เลือกทำเลแล้วแกว่งเท้าออกไป ไปในย่านเก่าแก่ทั้งบางกอกและฝั่งธน แล้วจะรู้ว่าบางกอกน่าพิสมัยไม่น้อยกว่าเมืองอื่นในโลก ยิ่งเดินยิ่งรู้ ยิ่งรู้ยิ่งลึก ยิ่งลึกยิ่งเข้าใจ เริ่มจากย่านง่ายๆ แล้วค่อยคลายไปสู่ตรอกซอกซอยที่ลึกลับ กอดบางกอก วอร์คกิ้งกรุงเทพฯ สวัสดีครับ #walking bkk



ครัวอัปษร


ไข่เจียวอัปษร


ร้านนี้รสแซ่บได้ใจแบบอาหารใต้แท้ๆ

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ภาพสวยงามมากค่ะ เห็นภาพตามไปด้วย แชร์ไปแล้วค่ะของคุณค่ะ

    ตอบลบ