แพร่เป็นเมืองเก่าแก่ มีอายุอานามกว่าพันปี
มีคนสันนิษฐานว่าเป็นเมืองรุ่นราวคราวเดียวกับเมืองลำพูน ด้วยเป็นเมืองเก่าจึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองนครอยู่หลายยุคหลายสมัยและมีการเปลี่ยนชื่อเมืองมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เมืองพลนคร โกศัยนคร และเวียงโกศัย
(แปลว่าผ้าแพร) ส่วนช่วงที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2440 ในสมัยรัชกาลที่
5 เป็นช่วงมีเปลี่ยนแปลงการปกครอง คือเปลี่ยนจากผู้ครองนครเป็นเทศาภิบาล โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไชยบูรณ์
ปลัดมณฑลพิษณุโลกมาเป็นข้าหลวงกำกับการปกครองเมืองแพร่คนแรก
ซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าเมืองแพร่องค์ที่ 18 ปกครองอยู่
การเปลี่ยนแปลงการปกครองนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
มากมาย หนึ่งในนั้นมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอาคาร
ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับอิทธิพลจากยุโรป
ดังจะเห็นในเมืองใหญ่ทั่วไปที่มีอาคารรูปแบบยุโรปลักษณะเรือนขนมปังขิงกระจายอยู่ทั่วประเทศ
การเปลี่ยนแปลงตัวอาคารในยุคนั้นไม้ได้เปลี่ยนกันทั้งเมือง
หากบ้านที่ได้รับอิทธิพลสมัยใหม่เป็นบ้านระดับผู้หลักผู้ใหญ่
ผู้มีตำแหน่งในระดับสูงของเมือง หรือบ้านที่มีฐานะเท่านั้น เช่น คุ้มเจ้าหลวง
บ้านวงศ์บุรี บ้านวิชัยราชา เป็นต้น
อาคารคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ประกอบไปด้วยอาคาร
2 ชั้น ขนาดใหญ่ เป็นอาคารขนมปังขิง ด้านหน้ามีสนามหญ้ากว้าง ภายในสนามหญ้าประกอบด้วยอนุสาวรีย์เจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์
เจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย
คุ้มเจ้าหลวง
แต่เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย
สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2435 รูปทรงอาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมยุคสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างไทยกับยุโรป
หรือที่เรียกว่า“เรือนขนมปังขิง” สร้างโดยช่างฝีมือชาวจีนและช่างไทยพื้นบ้าน
คุ้มเจ้าหลวงเป็นอาคาร 2 ชั้น
ขนาดใหญ่ บานประตูหน้าต่างนับรวมกันได้ 72 บาน
นอกจากความงามแบบเรือนขนมปังขิงแล้วสิ่งที่สร้างเสน่ห์ให้อาคารหลังนี้คือลวดลายฉลุไม้
เริ่มตั้งแต่ปั้นลม เชิงชาย ระเบียง ฯลฯ
ตัวอาคารก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนสลับกับไม้ในบางส่วน
การสร้างอาคารไม่มีการฝังเสาเข็มแต่ใช้ไม้ประดู่แบบซุงท่อนรองรับฐานเสาทั้งหลัง
ทัศนียภาพห้องพักผ่อนหรือห้องรับแขก
บนชั้น 2 ของตัวบ้าน
ประตูหน้าต่างรูปเหลี่ยมขนาดใหญ่
เหนือบานประตูมีงานปูนปั้นให้ประโยชน์ในการกันน้ำฝนไหลเข้าบ้าน
และสร้างความสวยงามด้วย
คุ้มเจ้าหลวงเป็นอาคารโอ่โถงสร้างด้วยฝีมือเชิงช่าง มีความวิจิตรบรรจงงดงามน่าชม ที่สำคัญ
ห้องแต่ละห้องมีความกว้างขวาง ฝ้าเพดานสูงโปร่ง หน้าต่างประตูมีขนาดใหญ่ทำให้ลมพัดผ่านโดยสะดวก
ส่วนจุดที่มีความแปลกแตกต่างจากเรือนทั่วไปคือชั้นล่างสุด (ใต้ถุน)
กั้นห้องเป็นที่กักขังข้าทาสที่ทำผิดกฏขั้นลหุโทษ
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ได้รับรางวัลอาคารอนุลักษณ์ดีเด่น
ประจำปี 2536 และสถาปัตยกรรมดีเด่นปี 2540 ประเภทอาคารสถาบันและสาธารณะจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
บนถนนไชยสมบูรณ์ซึ่งเป็นที่ตั้งคุ้มเจ้าหลวงยังมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
คืออาคารพิพิธภัณฑ์การศึกษา โรงเรียนนารีรัตน์ และวัดพระบาทมิ่งเมือง
ส่วนบ้านวงศ์บุรีซึ่งเป็นบ้านเก่าโบราณที่งดงามอีกหลังหนึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังอาคารคุ้มเจ้าหลวง
ห้องนอนในอาคารคุ้มเจ้าหลวงยังคงสภาพเดิมไว้ได้ดีมาก
ห้องโถงใหญ่จัดเก็บของเก่าจำพวกเครื่องโลหะ
เครื่องเซารามิค ปืน ฯลฯ ไว้ในตู้ไม้กรุกระจก
คุ้มเจ้าหลวงเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญที่ทรงคุณค่าของเมืองแพร่และของคนไทย
เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่คงสภาพบ้านได้ดีดุจเดิม
มีความงามทั้งตัวสถาปัตยกรรมภายนอกและภายใน มีงานตกแต่งอื่นๆ
เป็นองค์ประกอบให้เรือนขนมปังขิงหลังนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
ปัจจุบันอาคารคุ้มเจ้าหลวงเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมเพื่อก่อประโยชน์ในด้านการศักษาหาความรู้เกี่ยวประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมสืบไป
ปัจจุบันอาคารคุ้มเจ้าหลวงเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมเพื่อก่อประโยชน์ในด้านการศักษาหาความรู้เกี่ยวประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมสืบไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น