สยามประเทศได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมจากยุโรปมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
4 ตามหัวเมืองชั้นนำต่างๆ ปรากฏอาคารที่เรียกกันติดปากตามลักษณะสถาปัตยกรรมว่า “โคโลเนียลสไตล์” อาทิ อาคารเก่าที่จังหวัดภูเก็ต อำเภอตะกั่วป่า
จังหวัดพังงา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตรัง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีให้เห็นในภาคอีสานอีกจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่มีถิ่นฐานอยู่บริเวณใกล้ๆ
แม่น้ำโขง อย่างที่อำเภอท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ถือเป็นสถานที่หนึ่งที่ยังมีอาคารสวยๆ
แบบยุโรปให้เห็น
เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้คนในเขตอำเภอท่าแร่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์
(ชุมชนคาทอลิก) สถาปัตยกรรมอาคารที่พบเป็นอันดับแรกคือวัดฝรั่ง
ถัดลงมือคืออาคารบ้านเรือน โดยทั่วไปเป็นเรือนไม้สองชั้นมีระเบียงอย่างที่เห็นในชนบทหรือตามต่างจังหวัด
อีกจำนวนหนึ่งเป็นอาคารคอนกรีตใหญ่โตสร้างตามแบบฝรั่งมีเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมยุโรปอย่างชัดเจน
ลักษณะอาคารแบบฝรั่งเศสในชุมชนคนไทยคาทอลิก
ท่าแร่ จังหวัดสกลนคร
อาคารส่วนใหญ่มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมเป็นอาคารคอนกรีต
2 ชั้น ความห่างระหว่างเพดานกับพื้นด้านล่างสูงมากทำให้บ้านโปร่งสบาย
ด้านหน้าบ้านทำเป็นระเบียงทั้งด้านบนและด้านล่าง กรอบประตูหน้าต่างเป็นบานโค้ง
เหนือกรอบประตูมีลายปูนปั้นแบบนูนสูง ส่วนใหญ่เป็นลายเครือเถาว์ เช่น ลายองุ่น ฯลฯ
ลวดลายปูนปั้นเหล่านี้ถือเป็นเสน่ห์ทำให้ตัวอาคารสวยงามน่าสนใจและลดทอนความกระด้างของตัวอาคารได้มาก
ส่วนบานหน้าต่างใช้ไม้เข้ามามีส่วนร่วม เหนือบานหน้าต่างทำเป็นช่องระบายลม ภายในบ้านบริเวณชั้นล่างยังมีร่องรอยฐานคอนกรีตซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพของพระเยซูคริสต์ปรากฏอยู่
ซุ้มประตูโค้งมีลายปูนปั้นประดับ
ส่วนใหญ่เป็นลายเครือเถาว์ เช่น ลายเถาว์องุ่น
อาคารบ้านเรือนส่วนหนึ่งยังมีคนอยู่อาศัย
อีกส่วนหนึ่งปิดทิ้งหรือแรมร้างผู้คนเพราะเจ้าของเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาคารเหล่านี้ถูกทิ้งเพราะมันมีความงามปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
มีอาคารหลังหนึ่งหลงเหลือเพียงกำแพงให้เห็น
อาคารหลังนี้สร้างด้วยอิฐศิลาแลง เคลือบด้วยปูนขาวที่ทำจากหอยกาบซึ่งหาได้ง่ายในบริเวณนั้นคือหนองหาน
อาคารหลังนี้เป็นของนายนายเฮียน เลียนดึ่งดึ่ง ชาวญวณ (เปลี่ยนชื่อสกุลในภายหลังเป็นนายหนู
ศรีวรกุล) อาคารหลังนี้สร้างตั้งแต่ปี. พ.ศ. 2427 อายุอานามปาเข้าไป 126
แล้ว อาคารหลังนี้นายเฮียนผู้เป็นเจ้าของเรียกว่า “ตึกหิน”
เหนือประตูโค้งนอกจากลวดลายปูนปั้นยังปรากกฎหลักฐานในการจารึกปีการก่อสร้าง
อาคารเหล่านี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันคริสต์มาสเดินทางมาถึง
คริสต์ศาสนิกชนจะจัดงานรำลึกถึงพระเยซูเจ้า มีการแห่ดาว (ดาวประดิษฐ์ใช้ไฟฟ้า)
ประดับดาวตามบ้านเรือน (ดาวเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จมาประสูติของพระเยซู) ในวันนี้มีดาวหลายร้อยพันสีประดับตามบ้านเรือน
ไม่เว้นแม้อาคารเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้าง
ปีหนึ่งอาคารเก่าแก่กลับมามีชีวิตทีหนึ่ง แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่มันช่วยให้อาคารเก่าเหล่านี้กลับมางดงามเฉกในอดีต
ทั้งยังทำให้ผู้ที่ผ่านไปพบเห็นเบนความสนใจจากการแห่ดาวมาดูสถาปัตยกรรมฝรั่ง (บ้าง)
จากการได้สัมผัสทั้งภายในและภายนอก
คิดว่าทางภาครัฐหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรหันกลับมามองอาคารเหล่านี้
ส่งเสริมให้ทุนสนับสนุนในการปรับปรุงส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม
ทำความสะอาดในส่วนที่ยังคงอยู่ หากมีการปรับปรุงหรือซ่อมเสริมควรเป็นไปตามลักษณะสถาปัตยกรรมที่ถูกต้อง
อาคารสไตล์ฝรั่งเศสกลุ่มนี้จะกลายเป็นแหล่งศึกษาสถาปัตยกรรมอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าที่ใดในประเทศ
และเห็นควรให้อนุรักษ์เอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้สืบไป
ท่าแร่เป็นเพียงตำบล นะครับ ยังไม่ใช่อำเภอ
ตอบลบ